เคสรีวิวที่ 497

เคสรีวิวที่ 497

เคสนี้ลูกค้าอายุ 43 ปี กับเลนส์โปรเกรสซีฟอันแรก เคยทำเลสิคเมื่อ 16 ปีที่แล้ว แว่นเดิมเป็นเลนส์ชั้นเดียว (Single Lens) ใช้งานมา 3 ปี รู้สึกมองป้ายบอกทางช่วงกลางคืนไม่ชัด ใช้งานแท็ปเล็ทวันละ 2-3 ชั่วโมง และมีแพลนจะขับรถ จึงทำนัดเข้ามาวัดสายตาและตัดแว่นใหม่ครับ

ค่าสายตาที่วัดได้โดยละเอียด

R : -2.25 VA 20/20

L : -0.50-0.75×10 VA 20/20

Add +1.25 D (ค่าสายตายาวตามวัย)

จากการตรวจวัดสายตาพบว่า ลูกค้ามีค่าสายตาสั้นและเอียงเพิ่มขึ้นทำให้มองไกลไม่ชัด ในขณะที่มองใกล้มีค่าสายตายาวตามวัยเพิ่มขึ้น ซึ่งเกิดจากการยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อยึดเลนส์ตาลดลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มองใกล้ไม่ชัดครับ

เลนส์ที่แนะนำในวันนี้ คือ ZEISS 1.60 SmartLife PRO Progressive Superb PhotoFusion X Grey Duravision Platinum UV เป็นเลนส์โปรเกรสซีฟที่เหมาะกับผู้ที่มีค่าสายตาสองข้างต่างกันมาก (โดยในเคสนี้ลูกค้ามีค่าสายตาต่างกันถึง 1.75 Diopter)

มีการใช้ FaceFit Technology ที่นำค่าพารามิเตอร์เฉพาะบุคคลมาคำนวณร่วมด้วย เพื่อให้พื้นที่การมองเห็นกว้างขึ้น เพิ่มความสบายตาขณะออกแดดด้วย PhotoFusion X ที่เปลี่ยนเป็นสีเทา (Grey) ซึ่งช่วยเพิ่มความสบายตาขณะออกแดด และเปลี่ยนกลับเป็นเลนส์ใสได้อย่างรวดเร็ว

พร้อมเทคโนโลยี SmartLife PRO ที่ออกแบบโครงสร้างเลนส์ตามอายุและขนาดรูม่านตาจริงของลูกค้า ส่งผลให้มุมมองภาพเป็นธรรมชาติ ปรับโฟกัสตาได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ปรับตัวกับเลนส์ใหม่ได้ง่ายขึ้นครับ

กรอบแว่นเลือกเป็นแว่นตาฟังก์ชั่นจากประเทศเดนมาร์กอย่าง Lindberg รุ่น rim Gillian สี U9, U9, K263 ผสมผสานระหว่างหน้าแว่น Acetate และ Titanium ทำให้แว่นมีน้ำหนักเบา และใช้กระแสไฟฟ้าในการเปลี่ยนสีวัสดุ (Electric Bath) ส่งผลให้สีคงทนและลอกยากมากครับ

ลูกค้ามารับแว่นแล้วสามารถมองไกลและใกล้ได้ชัดเจน เปลี่ยนระยะการมองเป็นธรรมชาติ สามารถใส่เดินกะระยะได้ปกติ เมื่อมองผ่านเลนส์ที่เปลี่ยนเป็นสีเทาแล้วพบว่าสบายตามากขึ้น และสีเลนส์เข้ากับตัวกรอบแว่นมากๆครับ

Unlock your full visual potential with #supparerkvisioncenter #แว่นที่ดีsupparerkvisioncenter

#ZEISSVisionCenterbyDrSupparerk